ลบ
แก้ไข
สวัสดีชาว Interscholarship ทุกคนครับ มองการศึกษาโลก วันนี้พาบินลัดฟ้ามาที่เกาะอังกฤษ มาดูวิธีการคัดเลือกนักเรียนในสอบเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษกันครับ
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2556 BBC News ได้นำเสนอบทความของ Judith Burns ผู้สื่อข่าวด้านการศึกษาถึงเรื่องวิธีการรับนักเรียนเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยของสหราชอาณาจักร โดยที่การพิจารณารับนักเรียนเข้าเรียนส่วนใหญ่นั้นมักจะไม่คำนึงถึงพื้นหลังของประวัติส่วนตัวของผู้สมัครเท่าใดนักแต่รัฐบาลต้องการที่จะขยายโอกาสทางการศึกษาที่สูงขึ้นและสามารถเข้าถึงกลุ่มประชากรที่มีฐานะยากจนด้วย
ในทางเดียวกันคะแนนเฉลี่ยของผลการเรียนที่ดี เรียงความภาษาอังกฤษที่เขียนได้อย่างสละสลวย ทัศนคติและความหลงใหลในหลักสูตรที่จะศึกษาต่อของนักเรียนก็เป็นกุญแจสำคัญที่เชื่อมโยงไปถึงสถานะที่ดีในการพิจารณารับเข้าศึกษาต่อจากเจ้าหน้าที่รับนักเรียนซึ่งแสดงให้เห็นคุณสมบัติของนักเรียนที่ต้องการเข้าศึกษาได้อย่างชัดเจน
มากกว่า 3 ใน 4 หรือประมาณ 78 % ของอาจารย์ผู้ที่ทำหน้าที่รับสมัครนักเรียนกล่าวว่า พวกเขาจะไม่พิจารณาข้อมูลพื้นฐานด้านครอบครัวของผู้สมัคร และมีเพียง 1 ใน 3 หรือ 35 % ให้ความเห็นว่า พื้นฐานทางการศึกษาที่สำคัญย่อมเริ่มต้นมาจากครอบครัวของผู้สมัครเป็นสำคัญ
นอกจากนี้การที่ผู้สมัครเรียนต่อช่วยมหาวิทยาลัยในการประชาสัมพันธ์หลักสูตรการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยที่สนใจเข้า รวมถึงการเข้าร่วมกิจกรรมกับทางมหาวิทยาลัยช่วงปิดเทอมของโรงเรียน จะมีผลกับการสมัครเพียงแค่ 20 % เท่านั้นที่อาจารย์ผู้รับสมัครเข้าศึกษาต่อของมหาวิทยาลัยจะพิจารณาตัดสินใจ แต่อาจารย์ส่วนใหญ่ถึง 73 % ไม่ได้มองในจุดๆนี้สำหรับนักเรียนทุกคนที่สมัคร
ผลการวิจัยของ ACS International Schools ระบุว่า ส่วนใหญ่ของอาจารย์ผู้รับสมัครจะพิจารณาถึงมุมมองทางการเมืองและความสามารถในด้านต่างๆของนักเรียน โดยจากการสำรวจอาจารย์ผู้ทำหน้าที่รับสมัครนักเรียนกว่า 80 คน ในสหราชอาณาจักร พบว่า การรับสมัครเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรมักจะให้ความสำคัญกับความสามารถในการคิด การทำงาน และการจัดลำดับความสำคัญของนักเรียนที่ประสงค์จะศึกษาต่อถึง 72 % ของผู้ให้สัมภาษณ์
ความเข้าใจพื้นฐานด้านคณิตศาสตร์ของนักเรียนเป็นสิ่งสำคัญมากในการพิจารณาเข้าศึกษาต่อ ถึง 44 % ในขณะที่ประสบการณ์ทำงานและตำแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบ ความสามารถในการเป็นผู้นำ จะนำมาพิจารณาเป็นคะแนนเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น
นอกจากนี้โปรไฟล์ด้านความสามารถในการแสดง อาจารย์ผู้รับสมัครจะพิจารณาคะแนนให้น้อยกว่าความสามารถในด้านกีฬาและการทำงานอาสาสมัคร
Nicola Dandridge ผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร บอกว่า "มหาวิทยาลัยหลายแห่งจะพิจารณาปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้อง ควบคู่ไปกับคะแนนผลการเรียนของผู้สมัคร แต่มหาวิทยาลัยสามารถพิจารณาตามความเหมาะสมของตนเองได้ มหาวิทยาลัยไม่ได้สร้างกฎเกณฑ์การรับสมัครที่พิจารณาเรื่องครอบครัวของนักเรียน แต่ข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนของนักเรียนได้นั้นก็ไม่ได้พิจารณาเพียงแค่คะแนนผลการเรียนอย่างเดียว ซึ่งการสอบเข้าจะขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้สมัครและศักยภาพที่จะประสบความสำเร็จในการเรียนให้จบการศึกษา"
นอกจากนี้ผลการสำรวจยังถามเกี่ยวกับมุมมองของหลักสูตรในการพิจารณารับนักเรียนเข้าศึกษา ระหว่าง A-levels, the International Baccalaureate (IB) และ ระบบการศึกษาชั้นสูงของสกอตแลนด์ ซึ่งพบว่า ความเห็นส่วนใหญ่มองว่า A-levels จะมุ่งเน้นความเป็นผู้ชำนาญเฉพาะทางในเรื่องนั้น แต่ก็พบว่า International Baccalaureate (IB) มีการส่งเสริมการฝึกอบรมให้นักเรียนสามารถรับมือกับแรงกดดันต่างๆทางการเรียน
และผลสำรวจยังพบว่ามีโรงเรียนในสหราชอาณาจักร 3 โรงเรียนเก็บค่าเล่าเรียนถึง £22,000 ต่อปี (ประมาณ 1 ล้าน 7 หมื่นบาท ต่อปี) และมีการใช้คะแนน IB มากกว่า A-levels
บทความโดย : ต้นซุง eduzones
แปล/เรียบเรียง : University offers: Social background ignored
Photo Credits : news.com.au, www.universitiesuk.ac.uk, www.independent.co.uk
ผลวิจัยเผย "คุณสมบัตินักเรียนสอบติด" มหาวิทยาลัยอังกฤษ
สวัสดีชาว Interscholarship ทุกคนครับ มองการศึกษาโลก วันนี้พาบินลัดฟ้ามาที่เกาะอังกฤษ มาดูวิธีการคัดเลือกนักเรียนในสอบเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษกันครับ
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2556 BBC News ได้นำเสนอบทความของ Judith Burns ผู้สื่อข่าวด้านการศึกษาถึงเรื่องวิธีการรับนักเรียนเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยของสหราชอาณาจักร โดยที่การพิจารณารับนักเรียนเข้าเรียนส่วนใหญ่นั้นมักจะไม่คำนึงถึงพื้นหลังของประวัติส่วนตัวของผู้สมัครเท่าใดนักแต่รัฐบาลต้องการที่จะขยายโอกาสทางการศึกษาที่สูงขึ้นและสามารถเข้าถึงกลุ่มประชากรที่มีฐานะยากจนด้วย
ในทางเดียวกันคะแนนเฉลี่ยของผลการเรียนที่ดี เรียงความภาษาอังกฤษที่เขียนได้อย่างสละสลวย ทัศนคติและความหลงใหลในหลักสูตรที่จะศึกษาต่อของนักเรียนก็เป็นกุญแจสำคัญที่เชื่อมโยงไปถึงสถานะที่ดีในการพิจารณารับเข้าศึกษาต่อจากเจ้าหน้าที่รับนักเรียนซึ่งแสดงให้เห็นคุณสมบัติของนักเรียนที่ต้องการเข้าศึกษาได้อย่างชัดเจน
มากกว่า 3 ใน 4 หรือประมาณ 78 % ของอาจารย์ผู้ที่ทำหน้าที่รับสมัครนักเรียนกล่าวว่า พวกเขาจะไม่พิจารณาข้อมูลพื้นฐานด้านครอบครัวของผู้สมัคร และมีเพียง 1 ใน 3 หรือ 35 % ให้ความเห็นว่า พื้นฐานทางการศึกษาที่สำคัญย่อมเริ่มต้นมาจากครอบครัวของผู้สมัครเป็นสำคัญ
นอกจากนี้การที่ผู้สมัครเรียนต่อช่วยมหาวิทยาลัยในการประชาสัมพันธ์หลักสูตรการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยที่สนใจเข้า รวมถึงการเข้าร่วมกิจกรรมกับทางมหาวิทยาลัยช่วงปิดเทอมของโรงเรียน จะมีผลกับการสมัครเพียงแค่ 20 % เท่านั้นที่อาจารย์ผู้รับสมัครเข้าศึกษาต่อของมหาวิทยาลัยจะพิจารณาตัดสินใจ แต่อาจารย์ส่วนใหญ่ถึง 73 % ไม่ได้มองในจุดๆนี้สำหรับนักเรียนทุกคนที่สมัคร
ผลการวิจัยของ ACS International Schools ระบุว่า ส่วนใหญ่ของอาจารย์ผู้รับสมัครจะพิจารณาถึงมุมมองทางการเมืองและความสามารถในด้านต่างๆของนักเรียน โดยจากการสำรวจอาจารย์ผู้ทำหน้าที่รับสมัครนักเรียนกว่า 80 คน ในสหราชอาณาจักร พบว่า การรับสมัครเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรมักจะให้ความสำคัญกับความสามารถในการคิด การทำงาน และการจัดลำดับความสำคัญของนักเรียนที่ประสงค์จะศึกษาต่อถึง 72 % ของผู้ให้สัมภาษณ์
ความเข้าใจพื้นฐานด้านคณิตศาสตร์ของนักเรียนเป็นสิ่งสำคัญมากในการพิจารณาเข้าศึกษาต่อ ถึง 44 % ในขณะที่ประสบการณ์ทำงานและตำแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบ ความสามารถในการเป็นผู้นำ จะนำมาพิจารณาเป็นคะแนนเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น
นอกจากนี้โปรไฟล์ด้านความสามารถในการแสดง อาจารย์ผู้รับสมัครจะพิจารณาคะแนนให้น้อยกว่าความสามารถในด้านกีฬาและการทำงานอาสาสมัคร
Nicola Dandridge ผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร บอกว่า "มหาวิทยาลัยหลายแห่งจะพิจารณาปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้อง ควบคู่ไปกับคะแนนผลการเรียนของผู้สมัคร แต่มหาวิทยาลัยสามารถพิจารณาตามความเหมาะสมของตนเองได้ มหาวิทยาลัยไม่ได้สร้างกฎเกณฑ์การรับสมัครที่พิจารณาเรื่องครอบครัวของนักเรียน แต่ข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนของนักเรียนได้นั้นก็ไม่ได้พิจารณาเพียงแค่คะแนนผลการเรียนอย่างเดียว ซึ่งการสอบเข้าจะขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้สมัครและศักยภาพที่จะประสบความสำเร็จในการเรียนให้จบการศึกษา"
นอกจากนี้ผลการสำรวจยังถามเกี่ยวกับมุมมองของหลักสูตรในการพิจารณารับนักเรียนเข้าศึกษา ระหว่าง A-levels, the International Baccalaureate (IB) และ ระบบการศึกษาชั้นสูงของสกอตแลนด์ ซึ่งพบว่า ความเห็นส่วนใหญ่มองว่า A-levels จะมุ่งเน้นความเป็นผู้ชำนาญเฉพาะทางในเรื่องนั้น แต่ก็พบว่า International Baccalaureate (IB) มีการส่งเสริมการฝึกอบรมให้นักเรียนสามารถรับมือกับแรงกดดันต่างๆทางการเรียน
และผลสำรวจยังพบว่ามีโรงเรียนในสหราชอาณาจักร 3 โรงเรียนเก็บค่าเล่าเรียนถึง £22,000 ต่อปี (ประมาณ 1 ล้าน 7 หมื่นบาท ต่อปี) และมีการใช้คะแนน IB มากกว่า A-levels
บทความโดย : ต้นซุง eduzones
แปล/เรียบเรียง : University offers: Social background ignored
Photo Credits : news.com.au, www.universitiesuk.ac.uk, www.independent.co.uk
พูดคุยกับต้นซุง Eduzones และอัพเดททุกข่าวการศึกษาอินเตอร์ทั้งในและต่างประเทศ และสอบถามเพิ่มเติมเรื่องทุน ได้ที่นี่ :
Tony Teerati
ชม 1,576 ครั้ง
TOP RELATED
NEW STORIES