ลบ
แก้ไข
การเรียนระดับอุดมศึกษาที่สหรัฐ
ประเทศไทยนิยมส่งนักเรียนไปศึกษาในต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ มาเป็นเวลานานแล้ว นักเรียนไทยจัดเป็นคนกลุ่มใหญ่ในกลุ่มนักเรียนต่างชาติในวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยหลายแห่งในสหรัฐฯ ในปีพ.ศ. 2552 มีนักศึกษาไทยประมาณ 9,000 คนศึกษาอยู่ในสถาบันอุดมศึกษาของสหรัฐฯ และทำให้ไทยจัดอยู่ในอันดับ 10 ของโลกที่ส่งนักศึกษาไปยังสหรัฐฯ
ในปีการศึกษา 2552 มีนักศึกษาต่างชาติจำนวน 671,616 คนเดินทางไปศึกษาในสถาบันที่ได้รับรองวิทยฐานะกว่า 3,000 แห่งในสหรัฐฯ ในจำนวนนี้ ร้อยละ 61 มาจากประเทศไทยหรือประเทศอื่นๆในเอเชีย
ระดับปริญญาตรี (Undergraduate or College Years)
นักศึกษาอเมริกันโดยทั่วไป มักเลือกเรียนในวิชาต่างๆ ที่ค่อนข้างมีความหลากหลายในช่วงระดับปริญญาตรี นักศึกษาส่วนมากจะยังไม่เน้นในสาขาวิชาใดวิชาหนึ่งโดยเฉพาะ จนกระทั่งเข้าศึกษาต่อในระดับสูงกว่าปริญญาตรี การศึกษาในช่วง 2 ปีแรกของหลักสูตร? นักศึกษาจะลงทะเบียนเรียนสาขาวิชาต่างๆ ที่เป็นวิชาพื้นฐาน เมื่อเข้าชั้นปีที่ 3? จึงเลือก ?major? ของสาขาวิชาที่ต้องการ และต้องลงทะเบียนเรียนในวิชาต่างๆ ภายใต้สาขาวิชานี้ตามจำนวนที่ได้กำหนดไว้ สำหรับสถาบันการศึกษาบางแห่ง นักศึกษาอาจต้องเลือก ?minor? ด้วย เป็นการเปิดโอกาสให้นักศึกษาสามารถเลือกวิชาเลือก (เพิ่มเติม) ในสาขาวิชาอื่นๆ ได้
กรณีนักศึกษาต่างชาติ วิทยาลัยหลายแห่งแต่ไม่ใช่ทุกแห่ง ต้องการให้ผู้สมัครเข้ารับการสอบเข้า ซึ่งปกติจะเป็นการสอบ Scholastic Assessment Test(SAT l) หรือ American College Testing(ACT) Assessment บางแห่งอาจขอให้สอบ SATll? Subject Test ?โดยการสอบ SAT l จัดขึ้นหลายครั้งในช่วงปีการศึกษา และขอเอกสารการลงทะเบียนได้จากผู้บริหารการสอบหรือจากศูนย์ข้อมูลทางการศึกษาและให้คำปรึกษาของสหรัฐ โดยผู้สมัครสามารถลงทะเบียนได้ทางอินเตอร์เน็ต
สำหรับการที่ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแรกของผู้สมัคร ต้องสอบ TOEFL? ส่วนกรณีเฉพาะการสอบความเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษอื่น ๆ อาจเป็นที่ยอมรับได้
เว็บไซต์ที่เป็นประโยชน์
Test of English as a Foreign Language(TOEFL)
http://www.toefl.ort
Scholastic Assessment Test (SAT)
http://www.collegeboard.org
American College Testing(ACT) Assessment
http://www.act.org
ระดับสูงกว่าปริญญาตรี (Postgraduate or Graduate Education)
การศึกษาในระดับนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการเรียนเฉพาะเจาะจงในสาขาวิชาต่างๆ เช่น Library Science, Engineering, Social Work หรือ MBA? โดยส่วนใหญ่ใช้เวลาศึกษา 2 ปี หลักสูตรปริญญาโทบางหลักสูตรอาจมีระยะเวลาเพียง 1 ปี เช่น หลักสูตรด้าน Journalism หรือ LLM การศึกษาในระดับนี้จะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเข้าชั้นเรียน และต้องเตรียมเขียนงานวิจัย? หรือ "Master's Thesis" ด้วย?
??????? ?นักศึกษาต่างชาติสมัครเรียนระดับนี้ ขั้นแรกต้องระบุเป้าหมายการศึกษาและอาชีพให้ชัดเจน เพื่อช่วยให้เลือกโปรแกรมที่เหมาะสมที่สุด จากนั้น การตรวจสอบสถานการรับรองวิทยฐานะของโปรแกรมปริญญาที่กำลังพิจารณาสมัคร และค้นหาว่าปริญญานั้นได้รับการรับรองในประเทศตนหรือไม่
เมื่อแยกแยะรายชื่อโปรแกรมที่มีสาขาวิชาและวิชาเฉพาะที่ต้องการแล้ว ให้เปรียบเทียบระหว่างโปรแกรมในแง่ของค่าใช้จ่าย ความช่วยเหลือทางการเงินที่จะหาได้ เงื่อนไขการรับเข้าศึกษาและปริญญา องค์ประกอบของคณาจารย์และองค์กรนักศึกษา รวมทั้งบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกในมหาวิทยาลัย
??????????? ปริญญาเอก-Doctorate (Ph.D.):
สำหรับบางสถาบัน นักศึกษาอาจเตรียมตัวเพื่อการศึกษาในระดับปริญญาเอกได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องเข้าเริ่มต้นการศึกษาในระดับปริญญาโทก่อน ระยะเวลาของหลักสูตร คือ 3 ปีหรือมากกว่า แต่สำหรับนักศึกษาต่างชาติ อาจต้องใช้เวลาในการศึกษาถึง 5-6 ปี? สำหรับการศึกษาในช่วง 2 ปีแรก นักศึกษาส่วนใหญ่จะลงทะเบียนเพื่อการเข้าชั้นเรียนและร่วมสัมมนาต่างๆ หลังจากนั้น จะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 1 ปีในการทำงานวิจัยของตนเอง และเขียนวิทยานิพนธ์ ซึ่งไม่เคยมีการทำมาก่อน? นักศึกษาจะต้องเข้าชั้นเรียนอย่างสม่ำเสมอ? สอบผ่านตามระดับคะแนนที่กำหนด? และผ่านการสอบปากเปล่าในหัวข้อเดียวกับงานวิทยานิพนธ์จึงจะสำเร็จการศึกษา
เว็บไซต์ที่มีประโยชน์
รายชื่อศูนย์ข้อมูลและแนะแนวการศึกษาของสหรัฐ
http://educationusa.state.gov
เชื่อมโยงโฮมเพจของมหาวิทยาลัย
http://www.siu.no/heir
ค้นหาเว็บไซต์มหาวิทยาลัย
http://www.collegenet.com
http://www.collegeview.com
http://www.educationconnect.com
http://www.embark.com
http://www.gradschools.com
http://www.petersones.com
http://www.studyusa.com
ข้อมูลการรับรองวิทยฐานะ
http://www.chea.org
http://www.educationusa.state.gov
สำหรับข้อมูลการศึกษาต่อสหรัฐ โดยละเอียดทุกระดับ สามารถชมได้ทาง
http://thai.bangkok.usembassy.gov/services/irc/ref_stu.html
ชนิตสิรี แก้วอุด
ชม 11 ครั้ง
TOP RELATED
NEW STORIES