เวียดนามตั้งเป้าการศึกษา สร้างมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก
เวียดนามตั้งเป้าการศึกษา

สวัสดีชาว Interscholarship ทุกคนครับ มองการศึกษาโลก วันนี้มีรายงานข่าวของกระทรวงศึกษาธิการของเวียดนามที่สำคัญมาฝากครับ เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมา มีการรายงานว่ารัฐบาลเวียดนามเตรียมงบประมาณกว่า 150 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ เพื่อเตรียมการสร้างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งใหม่กลางกรุงฮานอย โดยมีเป้าหมายในการร่วมมือกับรัฐบาลจากต่างประเทศอย่างรัสเซียและมุ่งให้กลายเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกในอนาคต

โครงการดังกล่าวจะมีสองระยะ ซึ่งมีความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาของรัฐเซียในการฝึกอบรม โดยระยะแรกจนถึงปีค.ศ.2016 จะมีการเปลี่ยนชื่อมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีที่สำคัญอายุกว่า 40 ปี อย่าง Le Quy Don Technical University เป็น Vietnamese Russian University of Technology โดยรัฐบาลรัสเซียจะส่งคณาจารย์มาสอนยังเวียดนาม และมีการให้ทุนในการฝึกอบรมแก่อาจารย์และนักศึกษาจากเวียดนามในการไปศึกษาต่อยังมหาวิทยาลัยระดับโลกของรัสเซียอีกด้วย โดยข้อตกลงดังกล่าวนี้จะทำการเซ็นสัญญากันในเดือนหน้าหลังจากที่นายกรัฐมนตรี Nguyen Tan Dung ของเวียดนาม เดินทางไปรัสเซีย


                       เวียดนามตั้งเป้าการศึกษา
                                     Vietnamese German University

สำหรับสถาบันการศึกษาแห่งใหม่ของเวียดนามนี้เป็นหนึ่งในความทะเยอทะยานในการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศและส่งเสริมการศึกษาระหว่างสองประเทศให้ขึ้นสู่ความเป็นเลิศทางด้านการศึกษา โดยก่อนหน้านี้มีมหาวิทยาลัยที่มีความร่วมมือระหว่างประเทศมาแล้ว ได้แก่ Vietnamese German University ที่ก่อตั้งในปีค.ศ.2008 จากความร่วมมือระหว่างเวียดนามและเยอรมัน และ University of Science and Technology in Hanoi ที่ก่อตั้งในปีค.ศ.2009 จากความร่วมมือจากรัฐบาลประเทศฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังมีโครงการด้านการศึกษาที่กำลังเจรจากับประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาอีกด้วย

การแข่งขันด้านการศึกษานานาชาติดังกล่าวส่งผลกระทบต่อ Vietnamese Russian University of Technology ที่กำลังจะเกิดขึ้น จากการเผชิญความท้าทายจาก 2 มหาวิทยาลัยที่ก่อตั้งมาก่อนหน้านี้ แต่จากการรายงานของสื่อเยาวชนในประเทศรายงานว่า มหาวิทยาลัยอย่าง Vietnamese German University ยังคงมีปัญหาในการรับนักเรียนเข้าเรียนซึ่งมีนักเรียนมาสมัครศึกษาต่อ ซึ่งปัจจุบันมหาวิทยาลัยมีนักเรียนเพียง 527 คนในปัจจุบัน และมีนักศึกษาเพียง 250 คนในระดับปริญญาโทเพียงแค่ 8 สาขาวิชาเท่านั้น ซึ่งตัวเลขดังกล่าวยังห่างไกลกับความตั้งใจของมหาวิทยาลัยที่ต้องการให้มีนักศึกษาถึง 5,000 คน ใน 29 สาขาวิชา ภายในปีค.ศ.2020 ความขาดแคลนนักศึกษายังคงมีผลกระทบรุนแรงมากขึ้น อีกทั้งมหาวิทยาลัยเยอรมันแห่งนี้ยังมียอดการลงทะเบียนต่ำกว่ามหาวิทยาลัยชั้นนำของเวียดนามแห่งอื่นๆอีกด้วย และปัญหาดังกล่าวก็ประสบเช่นเดียวกันกับ University of Science and Technology in Hanoi ที่มีนักศึกษาเพียงแค่ 400 คนเท่านั้น

Professor Jurgen Mallon อธิการบดีของ Vietnamese German University ได้ให้ความเห็นว่า "การประสบปัญหาทางเศรษฐกิจของเวียดนามเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สถาบันการศึกษาประสบกับความยากลำบากในการรับนักศึกษา"

นอกจากนี้สื่อในประเทศยังรายงานว่า ยังมีค่านิยม Xenocentric behaviour ของพวกเด็กหัวกะทิที่ครอบครัวส่งเสริมให้รับทุนการศึกษาเพื่อไปศึกษาต่อยังต่างประเทศมากกว่าเรียนมหาวิทยาลัยในประเทศอีกด้วย 

 
                              เวียดนามตั้งเป้าการศึกษา
                            University of Science and Technology in Hanoi

คณะกรรมการด้านการศึกษาของเด็กและเยาวชนเวียดนาม (National Assembly’s committee for culture, education, youth and children) รายงานว่า "การขาดสิ่งอำนวยความสะดวก เงินทุนทางการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดบุคลากรทางวิชาการที่มีคุณภาพสูง ทำให้นักเรียนเวียดนามเลือกที่จะไปศึกษาต่อยังแห่งอื่นๆที่มีคุณภาพสูงกว่า" ทั้งนี้ Vietnamese German University และ University of Science and Technology in Hanoi ต่างก็รับอาจารย์ชั่วคราวเข้ามาสอนทั้งสิ้น โดยบางคนก็เป็นอาจารย์จากสถาบันการศึกษาท้องถิ่น และจากมหาวิทยาลัยหุ้นส่วนอื่นๆในต่างประเทศ

แต่ปัญหาดังกล่าวก็มีทางออกอยู่บ้างโดย University of Science and Technology มีแผนที่จะส่งนักศึกษาปริญญาเอกประมาณ 400 คน ไปศึกษาต่อยังประเทศฝรั่งเศส ในสาขาด้านวิทยาศาสตร์ โดยคาดหวังว่าในอีก 10 ปี พวกเขาเหล่านี้จะกลับมาดำรงตำแหน่งอาจารย์ของมหาวิทยาลัยในอนาคต แต่ก็ยังคงมีความวิตกกังวลของนักวิชาการบางท่านที่กลัวสมองไหล อันจะนำมาสู่ผลกระทบอื่นๆตามมา ทั้งนี้นักศึกษาปริญญาเอกของ City University of Hong Kong อย่าง Roger Chao Jr ผู้ซึ่งทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับ ภูมิภาคเปรียบเทียบและอุดมศึกษาในเอเชียตะวันออก ได้เสนอแนะว่า "มหาวิทยาลัยในเวียดนามควรที่จะสามารถปกครองตนเองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการระดมทุนด้านทรัพยากรมนุษย์ และการพัฒนาหลักสูตร ถ้ารัฐบาลเวียดนามยังต้องการให้มหาวิทยาลัยกลายเป็นสถาบันชั้นนำระดับโลก รัฐบาลจำเป็นต้องให้มหาวิทยาลัยมีอิสระในการปกครองตนเอง"


แปล/เรียบเรียง : ต้นซุง eduzones
Partnership with Russia for new, world-class university,Hiep Pham 



                                     กังนัมสไตล์ เวอร์ชั่น มห

พูดคุยกับต้นซุง Eduzones และอัพเดททุกข่าวการศึกษาอินเตอร์ทั้งในและต่างประเทศ และสอบถามเพิ่มเติมเรื่องทุน ได้ที่นี่ :
โดย Tony Teerati
วันที่ 19 พฤษภาคม 2556
พิมพ์หน้านี้