ลบ
แก้ไข
สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ให้บริการการกงสุลด้านต่างๆ เพื่อดึงดูดนักเรียนไทยเรียนต่อที่ไต้หวัน
การพัฒนาบุคคลที่มีความสามารถเป็นนโยบายหลักของนโยบายมุ่งใต้ใหม่ ระยะเวลาสองปีที่ผ่านมานักเรียนไทยที่ไปศึกษาต่อที่ไต้หวันมีจำนวนเพิ่มขึ้น ในปี 2017 นักเรียนไทยที่ไปศึกษาต่อที่ไต้หวันมีจำนวน 2,125 คน เพิ่มขึ้น 376 คน จากปี 2016 และในปี 2018 เพิ่มขึ้นอีก 1,111 คน รวมเป็นจำนวน 3,236 คน โดยมีจำนวนนักเรียนที่ไปเรียนต่อเพื่อวุฒิการศึกษาเพิ่มจาก 847 คน เป็น 955 คน เพิ่มขึ้น 12.8 % และจำนวนนักเรียนที่ไปเรียนต่อไม่ใช่เพื่อวุฒิการศึกษาเพิ่มจาก 1,278 คน เป็น 2,281 คน เพิ่มขึ้น 78.5 % อย่างไรก็ตาม ในแต่ละปีนักเรียนไทยที่ไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศมีจำนวนกว่า 25,000 คน ซึ่งไต้หวันควรมีมาตรการอื่นๆ เพื่อดึงดูดนักเรียนไทยไปเรียนต่อที่ไต้หวันมากขึ้น
เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษาระหว่างไทย-ไต้หวัน สำนักงานฯ มีบริการการกงสุลในด้านต่างๆ ตั้งแต่เมษายน พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป สำนักงานฯ ได้มีมาตรการและกฎระเบียบด้านพิจารณาวีซ่าที่ลดความเข้มงวดลง ช่วยให้นักเรียนไทยไปศึกษาต่อที่ไต้หวันได้ง่ายขึ้น และจนถึงขณะนี้มีผลตอบรับที่ดีเลยทีเดียว
1.ด้านการขอวีซ่าไปเรียนที่ไต้หวัน: ที่ผ่านมานักเรียนไทยที่จะไปเรียนที่ไต้หวันต้องมีหลักฐานผ่านการทดสอบภาษาต่างประเทศ ซึ่งตอนนี้ทางสำนักงานฯ ได้ยกเลิกข้อกำหนดดังกล่าวแล้ว
2.อนุญาตให้ผู้ยื่นคำร้องที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ขอวีซ่าไปเรียนภาษาจีนระยะสั้นที่ไต้หวัน : สำนักงานฯ จะอนุมัติวีซ่าพำนักระยะสั้น หรือวีซ่าประเภทห้ามขออยู่ต่อ(ระยะเวลายาวสุด 3 เดือน)
3.การขอวีซ่าพำนักระยะสั้น: ที่ผ่านมา ใบรับรองสุขภาพที่ออกโดยโรงพยาบาลที่สำนักงานฯได้ระบุไว้ และ หลักฐานการศึกษาสูงสุดที่ออกโดยสถาบันการศึกษาในประเทศไทยจักต้องผ่านการรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศของไทยและสำนักงานฯ แต่ตอนนี้เอกสารดังกล่าวไม่จำเป็นต้องผ่านขั้นตอนการรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศของไทยและสำนักงานฯ อีกต่อไป
4.หลักฐานการเงิน: ที่ผ่านมาสำนักงานฯ มีข้อบังคับให้นักเรียนไทยที่จะขอวีซ่าต้องแสดงหลักฐานการเงิน แต่ตอนนี้สำนักงานฯได้อนุญาตให้ผู้ยื่นคำร้องแสดงหลักฐานได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลหรือโรงเรียนไต้หวันแทนได้
5.โรงพยาบาลในประเทศไทยที่นักเรียนไทยสามารถขอใบตรวจสุขภาพเพื่อขอวีซ่านำพักที่ไต้หวัน: เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักเรียนไทยที่จะไปเรียนที่ไต้หวัน สำนักงานฯ เพิ่มจำนวนโรงพยาบาลที่นักเรียนไทยสามารถขอใบตรวจสุขภาพได้เป็นจำนวน 48 แห่ง รายชื่อโรงพยาบาลตามที่ปรากฏในลิ้งต่อไปนี้https://www.taiwanembassy.org/th/post/9177.html
สำนักงานฯ ได้ให้บริการตอบคำถามการกงสุลแก่ชาวไต้หวันที่นำพักอยู่ในประเทศไทย ชาวจีนโพ้นทะเล และชาวไทย ตั้งแต่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2561 สำนักงานฯได้ทดลองให้บริการ “บริการตอบคำถามด้านวีซ่าผ่าน TTvisa” (ชื่อบัญชี LINE: TTvisa) ในทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ เวลา 14.00-16.30 ท่านสามารถสอบถามเกี่ยวกับหนังสือเดินทาง วีซ่าและการรับรองเอกสารได้ นอกจากนี้ นักเรียนไทยยังสามารถสอบถามข้อมูลด้านการศึกษาต่อที่ไต้หวันผ่าน LINE TTvisa ได้อีกด้วย
ทั้งนี้ สำนักงานฯ ยังมี“แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนทางด้านการศึกษาไทย-ไต้หวัน” (ชื่อบัญชี LINE: @TTedu) ให้บริการข้อมูลเรื่องทุนการศึกษาและการศึกษาเป็นภาษาจีนและไทยแก่ชาวไทย พร้อมให้คำปรึกษาด้านการเรียนต่อที่ไต้หวันเป็นภาษาจีนและไทยอีกด้วย ขอเชิญนักเรียน ผู้ปกครองและคุณครูชาวไทย เพิ่ม LINE @ TTedu เป็นเพื่อนด้วยค่ะ
ได้ทุนเรียนไต้หวันสะดวกขึ้น
สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ให้บริการการกงสุลด้านต่างๆ เพื่อดึงดูดนักเรียนไทยเรียนต่อที่ไต้หวัน
การพัฒนาบุคคลที่มีความสามารถเป็นนโยบายหลักของนโยบายมุ่งใต้ใหม่ ระยะเวลาสองปีที่ผ่านมานักเรียนไทยที่ไปศึกษาต่อที่ไต้หวันมีจำนวนเพิ่มขึ้น ในปี 2017 นักเรียนไทยที่ไปศึกษาต่อที่ไต้หวันมีจำนวน 2,125 คน เพิ่มขึ้น 376 คน จากปี 2016 และในปี 2018 เพิ่มขึ้นอีก 1,111 คน รวมเป็นจำนวน 3,236 คน โดยมีจำนวนนักเรียนที่ไปเรียนต่อเพื่อวุฒิการศึกษาเพิ่มจาก 847 คน เป็น 955 คน เพิ่มขึ้น 12.8 % และจำนวนนักเรียนที่ไปเรียนต่อไม่ใช่เพื่อวุฒิการศึกษาเพิ่มจาก 1,278 คน เป็น 2,281 คน เพิ่มขึ้น 78.5 % อย่างไรก็ตาม ในแต่ละปีนักเรียนไทยที่ไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศมีจำนวนกว่า 25,000 คน ซึ่งไต้หวันควรมีมาตรการอื่นๆ เพื่อดึงดูดนักเรียนไทยไปเรียนต่อที่ไต้หวันมากขึ้น
เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษาระหว่างไทย-ไต้หวัน สำนักงานฯ มีบริการการกงสุลในด้านต่างๆ ตั้งแต่เมษายน พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป สำนักงานฯ ได้มีมาตรการและกฎระเบียบด้านพิจารณาวีซ่าที่ลดความเข้มงวดลง ช่วยให้นักเรียนไทยไปศึกษาต่อที่ไต้หวันได้ง่ายขึ้น และจนถึงขณะนี้มีผลตอบรับที่ดีเลยทีเดียว
1.ด้านการขอวีซ่าไปเรียนที่ไต้หวัน: ที่ผ่านมานักเรียนไทยที่จะไปเรียนที่ไต้หวันต้องมีหลักฐานผ่านการทดสอบภาษาต่างประเทศ ซึ่งตอนนี้ทางสำนักงานฯ ได้ยกเลิกข้อกำหนดดังกล่าวแล้ว
2.อนุญาตให้ผู้ยื่นคำร้องที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ขอวีซ่าไปเรียนภาษาจีนระยะสั้นที่ไต้หวัน : สำนักงานฯ จะอนุมัติวีซ่าพำนักระยะสั้น หรือวีซ่าประเภทห้ามขออยู่ต่อ(ระยะเวลายาวสุด 3 เดือน)
3.การขอวีซ่าพำนักระยะสั้น: ที่ผ่านมา ใบรับรองสุขภาพที่ออกโดยโรงพยาบาลที่สำนักงานฯได้ระบุไว้ และ หลักฐานการศึกษาสูงสุดที่ออกโดยสถาบันการศึกษาในประเทศไทยจักต้องผ่านการรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศของไทยและสำนักงานฯ แต่ตอนนี้เอกสารดังกล่าวไม่จำเป็นต้องผ่านขั้นตอนการรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศของไทยและสำนักงานฯ อีกต่อไป
4.หลักฐานการเงิน: ที่ผ่านมาสำนักงานฯ มีข้อบังคับให้นักเรียนไทยที่จะขอวีซ่าต้องแสดงหลักฐานการเงิน แต่ตอนนี้สำนักงานฯได้อนุญาตให้ผู้ยื่นคำร้องแสดงหลักฐานได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลหรือโรงเรียนไต้หวันแทนได้
5.โรงพยาบาลในประเทศไทยที่นักเรียนไทยสามารถขอใบตรวจสุขภาพเพื่อขอวีซ่านำพักที่ไต้หวัน: เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักเรียนไทยที่จะไปเรียนที่ไต้หวัน สำนักงานฯ เพิ่มจำนวนโรงพยาบาลที่นักเรียนไทยสามารถขอใบตรวจสุขภาพได้เป็นจำนวน 48 แห่ง รายชื่อโรงพยาบาลตามที่ปรากฏในลิ้งต่อไปนี้https://www.taiwanembassy.org/th/post/9177.html
สำนักงานฯ ได้ให้บริการตอบคำถามการกงสุลแก่ชาวไต้หวันที่นำพักอยู่ในประเทศไทย ชาวจีนโพ้นทะเล และชาวไทย ตั้งแต่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2561 สำนักงานฯได้ทดลองให้บริการ “บริการตอบคำถามด้านวีซ่าผ่าน TTvisa” (ชื่อบัญชี LINE: TTvisa) ในทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ เวลา 14.00-16.30 ท่านสามารถสอบถามเกี่ยวกับหนังสือเดินทาง วีซ่าและการรับรองเอกสารได้ นอกจากนี้ นักเรียนไทยยังสามารถสอบถามข้อมูลด้านการศึกษาต่อที่ไต้หวันผ่าน LINE TTvisa ได้อีกด้วย
ทั้งนี้ สำนักงานฯ ยังมี“แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนทางด้านการศึกษาไทย-ไต้หวัน” (ชื่อบัญชี LINE: @TTedu) ให้บริการข้อมูลเรื่องทุนการศึกษาและการศึกษาเป็นภาษาจีนและไทยแก่ชาวไทย พร้อมให้คำปรึกษาด้านการเรียนต่อที่ไต้หวันเป็นภาษาจีนและไทยอีกด้วย ขอเชิญนักเรียน ผู้ปกครองและคุณครูชาวไทย เพิ่ม LINE @ TTedu เป็นเพื่อนด้วยค่ะ
สมเกียรติ เทียนทอง
ชม 917 ครั้ง
TOP RELATED
NEW STORIES