ประเทศจีนเริ่มนโยบายปฏิรูปเปิดประเทศในปี 1978 เศรษฐกิจก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว? นับแต่ปี 1997 เป็นต้นมา? เศรษฐกิจจีนเติบโตเฉลี่ย 7.7% ต่อปี?? เป็นอัตราการเติบโตที่เร็วที่สุดในโลก? เมื่อจีนเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกในปี 2001 ก็ยิ่งส่งเสริมการเปิดเสรีและการเข้าสู่ความเป็นโลกาภิวัตน์
เศรษฐกิจจีนพัฒนาไปอย่างรวดเร็วนั้น? ประชากรจีนก็มีคุณภาพชีวิตสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และแนวความคิดก็ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไป จีนได้กลายเป็นตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่? สร้างความคึกคักด้านเศรษฐกิจให้แก่ทั่วโลก และยังดึงดูดบริษัทต่างชาติเข้าไปลงทุนมากขึ้นเรื่อย ๆ? ไม่เพียงแต่ทุนต่างชาติที่เข้ามา จีนเองยังส่งเสริมการพัฒนาวิสาหกิจการผลิตของชนชาติจีนด้วย
จีนมีระบบการศึกษาที่สมบูรณ์แบบ สถาบันการศึกษามี ระดับอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา มหาวิทยาลัยและบัณฑิตวิทยาลัย? กฎหมายการศึกษาแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กำหนดว่า รัฐบาลรับผิดชอบการศึกษาภาคบังคับ 9 ปี นั่นคือ ตั้งแต่ระดับประถมจนถึงมัธยมศึกษาตอนต้น
สถาบันการศึกษาระดับสูงของจีนได้แก่ มหาวิทยาลัย สถาบันและสถาบันเฉพาะทาง? มหาวิทยาลัยของจีนแบ่งเป็นมหาวิทยาลัยระดับมณฑล ระดับเขตปกครองตนเอง และระดับมหานครในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ สถาบันการศึกษาระดับสูงของท้องถิ่นและมหาวิทยาลัยเอกชน? มหาวิทยาลัยจีนและสถาบันที่ตั้งเป็นขึ้นเป็นเอกเทศจัดว่าเป็นสถาบันการศึกษาระดับสูง
ปริญญาบัตรของจีนแบ่งเป็น ปริญญาบัณฑิต มหาบัณฑิตและดุษฎีบัณฑิต
ระดับปริญญาบัณฑิต (ปริญญาตรี) (4-5 ปี)? ผู้ที่สามารถจบการศึกษาตามหลักสูตรที่กำหนดไว้และสารนิพนธ์ที่เขียนนั้นผ่านเกณฑ์ ถือว่าได้ปริญญาบัตรระดับปริญญาบัณฑิต
ระดับมหาบัณฑิต? (2-3 ปี)? ผู้ที่สามารถจบการศึกษาตามหลักสูตรที่กำหนดไว้? สอบผ่านวิทยานิพนธ์? และมีคะแนนในระดับที่สอบผ่าน ถือว่าได้ปริญญาบัตรระดับมหาบัณฑิต
ระดับดุษฎีบัณฑิต (3-4? ปี)? ผู้ที่สามารถจบการศึกษาตามหลักสูตรที่กำหนดไว้? สอบผ่านวิทยานิพนธ์? และมีคะแนนในระดับที่สอบผ่าน ถือว่าได้ปริญญาบัตรระดับดุษฎีบัณฑิต
การสมัครเรียนมหาวิทยาลัยในประเทศจีน
ขั้นตอนการสมัคร
เลือกมหาวิทยาลัย
กรอกเอกสารสมัครเรียน
เลือกระดับที่จะเรียน
ส่งเอกสาร
รอการอนุมัติจากมหาวิทยาลัย
ได้รับใบตอบรับจากมหาวิทยาลัย
ทำวีซ่า
ตรวจร่างกาย
ตรวจคนเข้าเมือง
ผ่านด่านศุลกากร
รายงานตัวที่มหาวิทยาลัย และลงทะเบียนเรียน
ทำเอกสาร ขอถิ่นที่อยู่ของชาวต่างชาติ ที่ กองตรวจคนเข้าเมืองประจำท้องถิ่น
การเลือกมหาวิทยาลัย
นักศึกษาที่จะไปเรียนต่อประเทศจีนมีเป้าประสงค์ไม่เหมือนกัน ทำให้เป้าหมาย วิธีการ เวลาและมหาวิทยาลัยที่เลือกต่างกัน?? อย่างไรก็ตาม สิ่งแรกสุดควรคำนึงถึงผลการเรียน ฐานะทางบ้าน หน้าที่การงานและแผนชีวิตในอนาคต
วิธีการเรียนต่อ? แบ่งตามเป้าหมายและเวลาได้ดังนี้
- เรียนภาษา? คือ เรียนเฉพาะภาษาจีนซึ่งมีหลักสูตรอบรมให้เลือกตั้งแต่หลักสูตรครึ่งปีถึง 2 ปี
- เรียนระยะยาว? เรียนเพื่อให้ได้ปริญญาหรือการวิจัยระยะยาว ( 1 ปีขึ้นไป)
- เรียนระยะสั้น เป็นการเรียนไม่ใช่เพื่อได้ปริญญา?? แต่เป็นการไปเรียนแบบแลกเปลี่ยน (ไม่ถึง 1 ปี) หรือการไปฝึกอบรมระยะสั้น
วิธีการชำระเงินค่าเล่าเรียน
การชำระค่าเล่าเรียนสามารถแบ่งเป็น ชำระด้วยเงินค่าเล่าเรียนด้วยตนเองหรือเงินของรัฐหรือองค์กร? เงินของรัฐหรือองค์กรคือ ทุนการศึกษาของรัฐบาลจีนหรือทุนอื่น ๆ?? ส่วนการชำระเงินเรียนด้วยตนเองคือ นักศึกษาต่างชาติรับผิดชอบจ่ายเงินเอง
วิธีการรวบรวมข้อมูล
การเลือกมหาวิทยาลัยไปเรียนต่อ ให้ตัดสินตามแผนการเรียนหรือการวิจัยของตนเป็นหลัก พยายามศึกษาข้อมูลต่าง ๆ? เช่น ประวัติการรับนักศึกษา เงื่อนไข ของแต่ละสถาบัน ถ้าหากยังสำรวจไม่ครบถ้วน? ก็อาจไม่ได้เรียนวิชาตามที่ตนเองต้องการหรือค่าใช้จ่ายอาจเกินงบ ดังนั้นการรวบรวมข้อมูลข่าวสารที่ทันสมัยที่สุด จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการจะไปเรียนต่อประเทศจีน
วิธีการขอคำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยมีดังนี้
a)??? ข้อมูล (สถานที่ตั้ง? วิชาเอก เงื่อนไขการเข้าเรียน ค่าลงทะเบียนเรียน)ของมหาวิทยาลัยทุกแห่งมีอยู่ในเวบไซต์ศูนย์บริการเรียนต่อประเทศจีนของจีน (www.studyinchina.net.cn)
b)??? สอบถามจากหน่วยงานที่ให้คำปรึกษาในการเรียนต่อประเทศจีน เช่น ฝ่ายการศึกษาท้องถิ่น สมาคมศิษย์เก่า กงสุล สถานทูต
c)??? หนังสือแนะนำการเรียนต่อ
d)??? หนังสือแนะนำมหาวิทยาลัยและการรับสมัครเข้าเรียน โดยขอจากแต่ละมหาวิทยาลัย
e)??? ผู้มีประสบการณ์ในการเรียนต่อ?? ถ้าอ่านจากหนังสือหรือสอบถามจากสถาบันต่าง ๆ แล้วยังไม่ชัดเจนพอ อาจจะขอคำแนะนำจากผู้เคยไปเรียนต่อ โดยเฉพาะผู้ที่เคยไปเรียนในมหาวิทยาลัยที่เราต้องการสมัครเรียน เป็นการได้ข้อมูลโดยตรงอย่างดีที่สุด
f)???? นิทรรศการเรียนต่อประเทศจีน?? เพื่อเป็นการสนองความต้องการของวัยรุ่นแต่ละประเทศที่จะไปเรียนเมืองจีน ศูนย์บริการเรียนต่อจีน? สำนักงานเลขาธิการทุนการศึกษาเพื่อเรียนต่อประเทศจีน? และ สมาพันธ์เลขาธิการเพื่อการแลกเปลี่ยนการศึกษานานาชาติแห่งประเทศจีนได้เดินทางไปจัดนิทรรศการเพื่อการศึกษาต่อประเทศจีนในเมืองและประเทศต่าง ๆ? เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น ไทย อินโดนีเซีย คาซัคสถาน เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี ฮอลแลนด์ สหรัฐอเมริกา รัสเซีย เนปาล เวียดนาม กัมพูชา ปากีสถาน แอฟริกาใต้ ออกเตรเลีย นิวซีแลนด์? โดยสามารถเช็คข้อมูลเกี่ยวกับวัน เวลา สถานที่ และหน่วยงานที่เข้าร่วมนิทรรศการได้จากเวบไซต์เพื่อการเรียนต่อประเทศจีน
?การเลือกมหาวิทยาลัย
เวลาเลือกมหาวิทยาลัย ให้พิจารณาสาขาที่จะเรียน วัตถุประสงค์ในการเรียน ความรู้ความ สามารถและงานที่จะทำในอนาคต?? สามารถเข้าไปในเวบไซต์ระหว่างประเทศหรือดูคู่มือแนะนำมหาวิทยาลัยและการรับสมัคร แล้วจึงตัดสินใจเลือกเรียนตามที่ตนต้องการ? อย่าได้เลือกโดยพิจารณาแต่ชื่อเสียงมหาวิทยาลัย ต้องพิจารณาเป้าหมายของตนเอง? จุดเด่นและลักษณะพิเศษของมหาวิทยาลัยที่จะเลือกเรียน และควรพิจารณาเรื่องโดยรวมดังนี้
a)??? วิชา (บางแห่งไม่มีวิชาภาษาจีน)
b)??? เงื่อนไขการเข้าเรียน
c)??? ค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
d)??? ทุนการศึกษา
e)??? หอพัก
f)???? สิ่งอำนวยความสะดวกในการวิจัย
g)??? สภาพแวดล้อมในพื้นที่??? ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ภูมิอากาศ อัตราค่าครองชีพ
หลักฐานะสำคัญที่ต้องใช้ในการสมัครเรียน
นักศึกษาปริญญาตรีอื่น ๆ :? หลักฐานจบการศึกษาและคะแนนสอบ? หนังสือรับรองการผ่าน HSKระดับ C
นักศึกษาปริญญาโทและปริญญาเอก? : ได้รับปริญญาตรีหรือปริญญาโทแล้ว? ใบแสดงผลการเรียน หนังสือรับรองจากอาจารย์ระดับรองศาสตราจารย์ขึ้นไป 2 ท่าน สมัครสอบตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดหรือสอบผ่านตามที่กำหนด
นักศึกษาปริญญาตรี โท และเอกที่จะสมัครเรียนวิชาศิลปะ? ต้องนำเสนอรูปภาพหรือวีดิทัศน์เกี่ยวกับผลงานตนเอง? และหนังสือรับรองจากอาจารย์ผู้สอน
นักศึกษาที่จบจากประเทศจีน และต้องการศึกษาต่อ จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
เอกสารที่ต้องจัดเตรียม
1) ใบสมัครเรียนต่อที่ประเทศจีนตามที่ฝ่ายจีนกำหนด
2) แบบฟอร์มบันทึกการตรวจสุขภาพของชาวต่างชาติ ตามมาตรฐานหน่วยงานสาธารณสุขของจีน
3) หลักฐานจบการศึกษาระดับสูงสุดและผลคะแนน
4) ผู้สมัครเรียนระดับปริญญาโทหรือปริญญาเอก ต้องมีหนังสือรับรองจากอาจารย์ระดับรองศาสตราจารย์ (หรือเทียบเท่า) ขึ้นไป 2 ท่าน
5) ผู้สมัครเรียนด้วยตนเอง นอกจากเตรียมเอกสารข้างต้นแล้ว ยังอาจจะต้องมีหลักฐานรับรองฐานะการเงิน
เอกสารข้างต้นต้องเป็นภาษาจีนหรือภาษาอังกฤษ หรือมีสำเนาแปลเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาจีน แบบฟอร์มที่เกี่ยวข้องอาจขอรับได้ที่สถานทูตจีนประจำประเทศต่าง ๆ หรือมจากหาวิทยาลัยจีน
ระยะเวลาสมัครเรียน
โครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างรัฐบาลสองประเทศ เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง30 เมษายน? ผู้สมัครต้องติดต่อสมัครเรียนกับหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง
ระยะเวลาสมัครเรียนภาคฤดูใบไม้ผลิของนักศึกษาโครงการแลกเปลี่ยนและนักศึกษาทุนตัวเองคือวันที่ถึง 15 กันยายน? 15 ธันวาคม ส่วนระยะเวลาสมัครเรียนภาคฤดูใบไม้ร่วงคือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ถึง15? มิถุนายน? รายละเอียดดูได้จากเอกสารที่แนะนำมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง?
(โปรดติดตามตอนต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายและทุน)