www.wegointer.com
1.ฝึกภาษาอังกฤษไว้เยอะๆ
2.ต้องมีคะแนนภาษาอังกฤษ คะแนนที่ว่านั้นก็คือ TOEFL หรือ IELTS
3.สอบวัดระดับภาษาอื่นๆ ที่จำเป็น
4.เตรียมเอกสารให้พร้อม
เอกสารที่ต้องขอจากโรงเรียน
- ใบแสดงผลการศึกษา หรือเรียกง่ายๆ ว่าทรานสคริปต์ คือใบที่จะบอกว่าเกรดแต่ละวิชาในแต่ละระดับชั้นที่ผ่านมา เราได้เท่าไหร่บ้าง หรือใบปพ.1 นั่นเอง
- ใบรับรองสภาพการเป็นนักเรียนหรือใบรับรองการจบการศึกษา คือใบที่ทางโรงเรียน จะรับรองว่า เรานี่แหละมีสภาพเป็นนักเรียนของโรงเรียนนี้จริงๆ หรือหากเพิ่งเรียนจบมา มันก็จะกลายเป็นใบที่รับรองว่าเราจบการศึกษาจากโรงเรียนนี้จริงๆ นะ
เอกสารทั้ง 2 ใบนี้สำคัญมาก สามารถขอได้จากฝ่ายทะเบียนของโรงเรียน และควรขอเป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ(ถ้าโรงเรียนสามารถทำให้ได้)
คำแนะนำคือ ให้ขอไว้ทีเดียวอย่างละ 5-6 ใบเลย เพราะบางทีเกิดอาการหลายใจ ทุนนั้นก็น่าสมัคร ทุนนี้ก็น่าสนใจ เราจะได้ไม่ต้องกลับไปขอใหม่บ่อยๆ เสียเวลาเปล่าๆ ให้ขอมาทีเดียวเยอะๆๆ เลยค่ะ ขอเป็นสิบใบเลยก็ได้ นอกจากนี้ อย่างที่บอกไปแล้วว่าบางทุนเปิดให้สมัครแค่ 2 สัปดาห์ แล้วดันตรงกับช่วงปิดเทอมพอดี แย่เลย เพราะบางโรงเรียนก็ดำเนินการช้ามาก ใช้เวลาทีเป็นสัปดาห์กว่าจะเสร็จ ดังนั้นควรไปขอมาตุนไว้ล่วงหน้าเลย
เอกสารที่เป็นของเราเอง
- สูติบัตร หรือใบรับรองการเกิด หลายคนคงสงสัยว่าทำไมพวกทุนการศึกษาถึงต้องขอใบนี้ด้วย?? คำตอบก็คือ เขาขอเพื่อไปดู "ความสัมพันธ์ระหว่างเราและบิดามารดา" ว่าพ่อแม่เราชื่อนี้จริงๆ มั้ย พ่อแม่เราสัญชาติไทยจริงๆ หรือเปล่า ดังนั้นสูติบัตรเป็นอีกใบที่ต้องใช้ หากของใครอยู่ในสภาพที่เน่ามาก สามารถไปขอคัดสำเนาสูติบัตรได้ที่สำนักงานเขต
- ทะเบียนบ้าน ส่วนมากจะใช้หน้าที่มีชื่อเรานั่นเอง
- หนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ต บางทุนกำหนดว่าผู้สมัครต้องส่งสำเนาพาสปอร์ตไป
ให้ดูด้วย เพื่อดูว่าเรามีสัญชาติไทยจริงๆ มั้ย แต่หากใครไม่มีพาสปอร์ตจริงๆ อาจจะใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนแทนได้เพราะเดี๋ยวนี้ก็เป็นภาษาอังกฤษกันหมดแล้วเนาะ
5.คิดให้ดีๆว่าอยากเรียนที่ไหน
6.ค้นหาทุนที่อยากได้
เรียบเรียงโดย editor bee
ข้อมูลอ้างอิง dek-d.com