เลือกโรงเรียนนานาชาติให้ลูก ต้องดูจากอะไรบ้า
เลือกโรงเรียนนานาชาติให้
positioningmag.com

เด็กไทยจะก้าวไกลในอาเซียนได้อย่างไร
เมื่อประเทศไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 ซึ่งจะเป็นการเปิดตัวเองเข้าหาเพื่อนๆ สมาชิกประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนประเทศอื่นๆ มากขึ้น ทั้ง มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงค์โปร์ ฟิลิปปินส์พม่า ลาว ฯลฯ ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นประเทศที่มีประชากรพูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 ได้ดีมากๆ แม้ไม่ใช่ประชากรที่มีการศึกษาระดับสูงก็ตาม พูดง่ายๆ ก็คือประชากรของประเทศเพื่อนบ้านเก่งภาษาอังกฤษมากกว่าเรานั่นเอง
 
ด้วยเหตุนี้คนไทย โดยเฉพาะเด็กไทยรุ่นใหม่จึงควรจะพัฒนาตัวเองให้สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารกับประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้ให้ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว ระบบการศึกษาไทยที่มีมาแต่เดิม ไม่ค่อยเอื้ออำนวยต่อการฝึกฝนการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษเท่าไหร่นัก นอกเสียจากเด็กๆ จะไปเรียนเสริม เรียนเพิ่มเติมเอาเอง หรือโชคดีมีพรสวรรค์ดั้งเดิมที่ช่วยให้เก่งภาษา ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ที่มองการณ์ไกล และพอจะมีทุนทรัพย์หลายๆ ท่าน จึงนิยมส่งบุตรหลานไปเรียนในโรงเรียนนานาชาติ หรือโรงเรียนสองภาษาแทน
 
ซึ่งในปัจจุบันนี้ แค่เฉพาะในกรุงเทพฯ ก็มีโรงเรียนนานาชาติ และโรงเรียนสองภาษาให้เลือกมากมายจนผู้ปกครองเลือกไม่ถูกว่าโรงเรียนนานาชาติโรงเรียนไหนน่าส่งบุตรหลานไปเรียนมากกว่ากัน ซึ่งถ้าเป็นโรงเรียนใหญ่ๆ มีชื่อเสียงมายาวนาน ผู้ปกครองก็คงเบาใจไปได้เปลาะหนึ่ง เพราะอย่างไรเสียระบบการเรียนการสอนของโรงเรียนนานาชาติดังๆ ก็ต้องได้มาตรฐานแน่นอนอยู่แล้ว แต่โรงเรียนนานาชาติบางโรงเรียนที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน ชื่อเสียงจะยังไม่เป็นที่คุ้นเคยนัก หรือบางแห่งก็เป็นโรงเรียนนานาชาติขนาดเล็ก ซึ่งทำให้ผู้ปกครองไม่ค่อยมั่นใจในคุณภาพของโรงเรียนเท่าไหร่นัก และอาจสงสัยว่า เราจะทราบได้อย่างไร ว่าโรงเรียนนานาชาติโรงเรียนไหนบ้างที่ได้มาตรฐาน และมาตรฐานของโรงเรียนนานาชาติที่ว่านี้ ใครเป็นผู้ตรวจสอบ ผู้ตรวจสอบมีความน่าเชื่อถือมั้ย และตรวจสอบกันอย่างไร
 
เรามีคำตอบมาให้แล้ว
 
อ.อุษา สมบูรณ์ นายกสมาคมโรงเรียนนานาชาติแห่งประเทศไทย (ISAT) ได้เล่าให้ฟังถึงขั้นตอนการตรวจสอบมาตรฐานของโรงเรียนนานาชาติที่เป็นสมาชิกของสมาคม ว่ามีขั้นตอนการตรวจสอบอย่างไรบ้าง และจะช่วยสนับสนุนให้โรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยพัฒนาคุณภาพให้อยู่ในระดับสากลได้อย่างไร
 
ทำไมจึงต้องมีสมาคมโรงเรียนนานาชาติ
วัตถุประสงค์ของการก่อตั้งสมาคมโรงเรียนนานาชาติ คือ เพื่อเป็นตัวแทนของโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย ซึ่งตอนนี้มีอยู่ 133 โรงเรียน และได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกกับสมาคมฯ 101 โรงเรียน โดยสมาคมฯ จะช่วยเป็นตัวแทนให้กับโรงเรียนนานาชาติ 101 โรงเรียนที่เป็นสมาชิก ในการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งของรัฐบาลและเอกชน เช่น กระทรวงศึกษาฯ กระทรวงการต่างประเทศ กองตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และช่วยดูแลประสานงานในเรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย กฎระเบียบต่างๆ ของทางราชการ ที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดการศึกษาหลักสูตรนานาชาติของประเทศ
 
และเป้าหมายหลักอีกหนึ่งอย่างของสมาคมฯ คือ พยายามส่งเสริมเรื่อง “Quality Education” โดยประสานงานร่วมกันกับหน่วยงานทางการศึกษาต่างๆ ทั้งของไทย และต่างประเทศ เพื่อให้เข้ามาประเมิน และรับรองมาตรฐานของโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย ตามกฎของกระทรวงศึกษาธิการ
 
ใครเป็นผู้ประเมินมาตรฐานให้กับโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย
ตามกฎของกระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนนานาชาติจะต้องมีการประเมิน และรับรองมาตรฐานจากต่างประเทศ โดยจะต้องเริ่มประเมินการเรียนการสอนของโรงเรียนนานาชาติแต่ละแห่งตั้งแต่ชั้น Pre-Kindergarten (เตรียมอนุบาล) ไปจนถึงชั้น High School (มัธยมปลาย) ยกเว้นโรงรียนหรือเนิร์สเซอรี่ที่เปิดสอนแค่ระดับชั้นเตรียมอนุบาล และชั้นอนุบาลเท่านั้น ที่จะได้รับการประเมินคุณภาพจาก สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(องค์การมหาชน) หรือ สมศ.  โดยตรง
 
ส่วนโรงเรียนนานาชาติที่เปิดสอนครบหมดทุกระดับชั้น ทางสมาคมโรงเรียนนานาชาติฯ จะประสานงานกับ สมศ. และองค์กรหลักๆ จากต่างประเทศ 4 องค์กรให้เข้ามาร่วมประเมินคุณภาพและมาตรฐานของโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งองค์กรต่างประเทศทั้ง 4 ได้แก่
 
WASC - Western Association of Schools and Colleges
 
CIS - Commonwealth of Independent States CIS
 
NEASC - New England Association of Schools and Colleges
 
CfBT - Wes World Wide Education Service of CfBT Education Trust
 
นอกจากนี้ยังมีองค์กรต่างประเทศอื่นๆ อีกหลายองค์กร ที่เข้าร่วมประเมินมาตรฐานโรงเรียนนานาชาติ
 
แต่หลักๆ ก็คือองค์กรทั้ง 4 นี้ ซึ่งเป็นองค์กรที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน กระทรวงศึกษาธิการ และสมศ.ให้การรับรอง และมีการศึกษาหาแนวทางในการทำงานร่วมกันมานาน จนได้ข้อสรุปว่าสมศ. และองค์กรจากต่างประเทศ องค์กรใดองค์กรหนึ่งจากทั้ง 4 องค์กรจะเข้าไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนนานาชาติต่างๆ ร่วมกัน โดยองค์กรต่างประเทศจะประเมินมาตรฐานของโรงเรียนทั้งหมด ส่วน สมศ. จะดูแลในส่วนของการเรียนการสอนภาษาไทยและวัฒนธรรมไทย (โรงเรียนนานาชาติจะให้นักเรียนไทยเรียนภาษาไทยและวัฒนธรรมไทย 5 คาบต่อสัปดาห์ และให้เด็กต่างชาติเรียน 1 คาบต่อสัปดาห์)



เรียบเรียงโดย editor bee
ข้อมูลอ้างอิง schooltour
โดย Editor Bee
วันที่ 1 เมษายน 2556
พิมพ์หน้านี้