การเรียนแบบระดับของโรงเรียนนานาชาติ เทียบกับระดับชั้นเรียนของโรงเรียนทั่วไป

การเรียนแบบระดับของโรงเร
unigang.com


1 โรงเรียนมัธยมทั่วไป จะใช้การสอนและการใช้หนังสือตามหลักสูตรของ
กระทรวงศึกษาธิการของประเทศไทย

ส่วนโรงเรียนนานาชาติจะมีหลักสูตรใหญ่ ๆ อยู่ 3 หลักสูตร
1.1.หลักสูตรอเมริกัน หรือ American English ภาษาจะง่าย ๆ แบบคนอเมริกันใช้ การสอนและใช้หนังสือตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการของสหรัฐอเมริกา การเรียกระดับชั้นจะเรียกเป็น Grade ครับ แต่ขอแบ่งเป็น Level ให้ดู

Level อนุบาล 1 ถึง 3 เรียกว่า kindergarten (KG)
อายุ -3-4 ปี  อนุบาล1 = kindergarten.1
อายุ 4 ปี       อนุบาล2=kindergarten.2
อายุ 5 ปี      อนุบาล3=kindergarten.3

Level  ประถมศึกษา หรือ ป 1 - 6 =  elementary school (ES)
อายุ 6 ปี ถึง 11 ปี    เรียน   ป.1 ถึง ป. 6  = grade 1 – grade 6

Level มัธยมศึกษา 1 ถึง มัธยมศึกษา 3 = middle school (MS)
อายุ 12 ปี ถึงอายุ 14 ปี  เรียน มัธยม 1 ถึง มัธยม 3 =  grade 7  - grade 9

Level  ม.ปลาย หรือ มัธยมศึกษา 4 - 6 = high school
อายุ 15 ปี ถึงอายุ 17 ปี  เรียน มัธยม 4 ถึง มัธยม 6  = grade 10 – grade 12
(อายุที่เขียนนี้อาจมากกว่านี้ได้ครับบางคนเรียน grade 12 อายุ 19 ปีก็ได้ครับผม)

วิชาคณิตศาสตร์ของระบบอเมริกันจะเก่งกว่าหลักสูตรนานาชาติอื่น แต่ภาษาจะสู้หลักสูตรของอังกฤษไม่ได้เพราะของอังกฤษจะถูกต้องกว่า เมื่อถึงชั้นไฮสกูล หรือถ้าเทียบกับมัธยมจะเป็น มัธยม ปีที่ 5 ถึง ปีที่ 6
จะเรียน Business เรียกว่า หลักสูตร International Baccalaureate Diploma Programme หรือเรียกย่อว่า IB  ถ้าจบหลักสูตรนี้แล้วสามารถเข้ามหาวิทยาลัยได้ทั่วโลก

IB นอกจากเรียนแล้วยังเน้นกิจกรรม เน้นทักษะ การเรียนรู้การเอาตัวรอด การแก้ปัญหา หรือ ปรัชญาการเรียนรู้เน้นเรื่อง การเปลี่ยนวิกฤตต่าง ๆ ให้เป็นเรียนรู้ หรือโอกาส เน้นกิจกรรมช่วยเหลือสังคม เน้นการเข้าสังคมอีกด้วย
เรียกว่าหลักสูตรนี้เก่งเรียนและเก่งกิจกรรมมากกว่าหลักสูตรนานาชาติอื่น และได้เปรียบกว่าหลักสูตรที่เน้นเรื่องเรียนอย่างเดียว  และสำคัญเรียนภาษาไทยเฉพาะนักเรียนไทย สัปดาห์ละ 5 ชั่วโมง

1.2  หลักสูตร สหราชอาณาจักร หรือประเทศอังกฤษนั้นเอง 
ถ้าโรงเรียนไหน เขา British English เขาจะสอนภาษาเหมือนที่ london การสอนและการใช้หนังสือตามกฏกระทรวงศึกษาธิการของประเทศ สหราชอาณาจักร(อังกฤษ) หลักสูตรนี้จะเน้นภาษาที่ถูกต้องและเน้นการเรียนมากกว่ากิจกรรม  เมื่อเรียนถึงชั้นไฮสกูลจะเรียนหลักสูตร A-Level  เมื่อเรียนจบสามารถเข้าไปสมัครเรียนได้ที่
ประเทศสหราชอาณาจักร  (อังกฤษ)  เท่านั้น แบบ British American  เรียกระดับชั้นเป็น year ครับ

อายุ 5 ปี เรียนอนุบาลปีเดียว  เรียก year 1
อายุ 6 – 11 ปี เรียนประถมศึกษาปี 1 – 6   เรียก year 2 – year 7
อายุ 12 – 14 ปี เรียนมัธยมศึกษาปี 1 – 3  เรียก year 8 – year 10
อายุ 15 – 17 ปี เรียนมัธยมศึกษา ปี 4 – 6 ไฮสกูล เรียก year 11 – year 13

1.3 หลักสูตรสองภาษา Bilingual School ใช้หลักสูตรของ
กระทรวงศึกษาธิการของไทย วิชาเรียนเหมือนกันกับการเรียนมัธยมทั่วไปทุกอย่างแต่ใช้ภาษาอังกฤษมากกว่า
หลักสูตรนี้ไม่ค่อยคุ้นเคยรู้มาบ้างเล็กน้อย

2  แตกต่างกันเรื่องการเปิดและปิดภาคเรียน เอาโดยทั่ว ๆ ไปนะ
ภาคเรียนที่ 1 (กันยายน - ธันวาคม)
ปิดภาคเรียนช่วงคริสต์มาส 3 สัปดาห์

ภาคเรียนที่ 2 (มกราคม - เมษายน)
ปิดภาคเรียนช่วงอีสเตอร์ 2 สัปดาห์
เช่น หยุด 8-15เมษายน

ภาคเรียนที่ 3 (เมษายน - กรกฎาคม)
ปิดภาคเรียนภาคฤดูร้อน 4 สัปดาห์

3 โรงเรียนนานาชาติ เน้นด้านภาษาอังกฤษ ถ้าเข้าห้องเรียนแล้วห้ามพูดภาษาของตัวเอง
ไม่เน้นการท่องจำ ,  เน้นด้านทักษะในการพูดในการแสดงออก เน้นการเรียนรู้ที่ดีเช่นการวิเคราะห์  เรียนรู้การแก้ปัญหา การอยู่ร่วมในสังคม

4 ต่างกันที่จำนวนนักเรียนในห้อง ถ้าเป็นโรงเรียนนานาชาติจะเรียนประมาณ
ห้องละ 15 คน  ถ้ามีมากกว่านี้ก็ให้เปิดห้องใหม่สอนเลย

5 เวลาที่จบหลักสูตรแล้วนักเรียนโรงเรียนนานาชาติส่วนใหญ่จะไป
ศึกษาต่อต่างประเทศ หรือไปเข้ามหาวิทยาลัยคณะอินเตอร์เกือบทั้งหมด
เพราะไปเข้าในคณะปกติของแต่ละ มหาวิทยาลัยไม่ได้ เรียนมาไม่เหมือนกัน 

แต่ถ้าอยากจะเข้าเรียนในระบบปกติของแต่ละมหาวิทยาลัย นักเรียนนานาชาติก็จะต้อง เข้าสอบโอเน็ต เอเน็ต ตามแบบการศึกษา ในระบบของประเทศไทย

6  ต่างกันที่ค่าเทอมจะแพงกว่าโรงเรียนมัธยมทั่วไป ถ้าเป็นนักศึกษาใหม่ที่ไม่ได้เข้าเรียนมา ตั้งแต่อนุบาล 
ทางโรงเรียนอาจจะบวกเข้าไปอีก  4 แสนบาทต่อชั้น

7 คุณครูที่มาสอนต้องใช้ภาษาอังกฤษได้ดี และต้องเป็น Native Speaker จบปริญญาตรีคณะครุศาสตร์ มีใบรับรองถูกต้องจากประเทศของเขา นอกจากนี้ต้องมีประสบการณ์สอนมาก่อน คุณครูจะมาจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ 

8 การแต่งตัวผู้หญิง ผู้ชายไม่ต้องตัดผมตามกฎกระทรวงแบบโรงเรียนมัธยมทั่วไป ที่โรงเรียนนานาชาติสามารถไว้ผม และย้อมผมได้  ทาเล็บได้  รองเท้าแบบไหนก็ได้ กระเป๋าตามสไตล์ที่ชอบ ขอแค่ให้แต่งชุดนักเรียน แต่วันไหนจะใส่เสื้อพละก็ได้ ถึงแม้จะไม่ใช่วันที่มีพละ


เรียบเรียงโดย editor bee
ข้อมูลอ้างอิง guru.google
โดย Editor Bee
วันที่ 29 มีนาคม 2556
พิมพ์หน้านี้